Page 2 - สารศูนย์วิทย์เดือนกรกฎาคม2564
P. 2
2
18 สิงหาคมของทุกปี
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของไทย ถูกกำาหนดให้ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี โดยเป็นวันที่้มีความสำาคัญต่อวงการวิทยาศาสตร์
และดาราศาสตร์ไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 14 เมษายน ปี 2525 ให้เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
เป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” พร้อมทั้งกำาหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ประวัติความเป็นมาวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ที่มาของการกำาหนดวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เกิดขึ้นเนื่องจากในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พร้อมด้วยพระราชโอรส พระราชธิดา รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ (รัชกาลที่ 5) ขณะพระชนมายุ 16 พรรษา ได้เสด็จ
พระราชดำาเนินทางชลมารค ไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่ ตำาบลบ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยทรงตั้งพระปณิธานแน่วแน่
ที่จะพิสูจน์ผลการคำานวณของพระองค์ หลังจากที่ทรงใช้กล้องโทรทรรศน์คำานวณการเกิดสุริยุปราคาครั้งแรกได้อย่างแม่นยำาล่วงหน้า 2 ปี
ซึ่งพระองค์คำานวนไว้ว่า สุริยุปราคาจะเกิดขึ้นในวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำา เดือน 10 ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1230 โดยจะเห็นหมดดวง
และชัดเจนที่สุด ที่หมู่บ้านหัววาฬ ตำาบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่บริเวณเกาะจานขึ้นไปถึงปราณบุรี และลงไปถึงเมืองชุมพร
และโปรดฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุญนาค) ไปสร้างค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับ พร้อมกับเชิญคณะนักดาราศาสตร์จาก
ประเทศฝรั่งเศส และเซอร์แฮรี ออด เจ้าเมืองสิงคโปร์เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ และร่วมในการสังเกตการณ์ ซึ่งเมื่อถึงวันอังคารที่ 18 สิงหาคม
พ.ศ. 2411 เหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่ทรงพยากรณ์ไว้ทุกประการ ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเดียว ดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บังมิดดวงอยู่นานถึง
6 นาที 46 วินาที แต่แล้วการเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งนั้น ก็ทำาให้พระองค์ทรงประชวรเนื่องจากได้รับเชื้อไข้มาลาเรีย และ
เสด็จสวรรคตในวันที่ 1 ตุลาคม
องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณของพระองค์ให้ทรงเป็น
บุคคลสำาคัญของโลก ด้วยพระราชกรณียกิจและพระเกียรติคุณนานัปการ โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจด้านดาราศาสตร์ โดยวันที่ 14 เมษายน
พ.ศ. 2525 รัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประกาศยกย่องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และ
อนุมัติให้วันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี เป็น “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ”
ทั้งนี้ ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2511 หลายหน่วยงาน เช่น สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมวิชาการ
กระทรวงศึกษาธิการ กรมอุทกศาสตร์ กรมชลประทาน กรมแผนที่ทหาร กรมอุตุนิยมวิทยา กรมไปรษณีย์โทรเลข ฯลฯ ยังได้ร่วมกันจัดงาน
เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2527 งานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้รับการขยายให้เป็นงาน
ใหญ่ขึ้น เป็นงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยจะมีการจัดงานในระหว่างวันที่ 18-24 สิงหาคม
พระราชกรณียกิจทางด้านดาราศาสตร์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอดูดาวบนเขาวัง ใน จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.
2403 พระราชทานนามว่า “หอชัชวาลเวียงชัย” ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้เคยทอดพระเนตรดาวหาง 3 ดวง คือ
1. ดาวหางฟลูเกอร์กูส (Flaugergues s Comet) เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่และมีหาง 2 หาง ปรากฏในรัชสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เมื่อ พ.ศ. 2355 ขณะนั้นเจ้าฟ้ามงกุฎมีพระชันษาราว 8 ปี เมื่อทอดพระเนตรแล้ว คงจะทรงติดตามศึกษาเรื่องดาวหางอยู่เสมอ เพราะว่า
ก่อนดวงที่ 2 จะมาปรากฏ พระองค์ทรงสามารถนิพนธ์ประกาศฉบับแรกชื่อว่า “ประกาศดาวหางขึ้นอย่าได้วิตก” แจ้งแก่ประชาชน
2. ดาวหางโดนาติ (Donati a Comet) เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่มาก นักดาราศาสตร์อิตาเลียนค้นพบในคืนวันที่ 2 มิถุนายน
พ.ศ. 2401 และคืนต่อ ๆ มา จนถึงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2402 (รวมเวลา 9 เดือน) ชาวไทยคงจะเห็นด้วยตาเปล่า ระหว่างเดือนกันยายน-
ตุลาคม พ.ศ. 2401
3. ดาวหางเทพบุท (Tebbut s Comet) เป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่ หางยาว และสว่างกว่าดาวหางโดนาติ ปรากฏแก่สายตาชาวโลก
ระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พ.ศ. 2404 เป็นดาวที่พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยมากยิ่งขึ้น ถึงกับทรงได้คำานวณไว้ล่วงหน้าว่า
จะปรากฏเมื่อใด และได้ทรงออกประกาศไว้ล่วงหน้ามิให้ประชาชนตื่นตระหนก ทั้งนี้ เพราะพระองค์มีพระราชประสงค์มุ่งขจัดความเชื่อ
เกี่ยวกับเรื่องโชคลาง และทรงให้ราษฎรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ (ถ้าจะเกิด) อย่างมีเหตุผลตามแบบ
วิทยาศาสตร์